ข้อควรปฏิบัติและการเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมตา ต้องทำอย่างไร?
- ปรึกษาแพทย์ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมิน และวางแผนการผ่าตัด
- งดยา อาหารเสริม วิตามิน ดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด เนื่องจากอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด
– ยา warfarin (Coumadin, Jantoven)
– ยาแก้ปวด กลุ่ม Nsaid เช่น aspirin, ibuprofen , naproxen sodium , naproxen
– ยาแก้ปวดประจําเดือน พอนสแตน
– วิตามินอี , น้ำมันตับปลา
– ยาสมุนไพร
***กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ท่านสามารถใช้ยาพาราเซตามอน (Paracetamol) แทนได้*** - งดสูบบุรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้แผลหายช้า
- อาบน้ำสระผม ชำระล้างร่างกายให้สะอาด
- งดแต่งหน้า และใช้เครื่องสำอางบริเวณผิวหนังรอบดวงตา
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำเยอะๆ
- รักษาร่างกายให้แข็งแรง นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- วางแผนเรื่องการเดินทางกลับบ้านหลังการผ่าตัดเสร็จ โดยห้ามขับรถเอง

วันก่อนมาผ่าตัด 1 วัน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
- ในวันผ่าตัดควรสวมเสื้อผ้าที่หลวม ใส่สบาย แนะนำควรเป็นเสื้อที่มีกระดุมหน้า
- กรณีมีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ เจ็บตา ตาแดง ตาติดเชื้อ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อเลื่อนวันทำการผ่าตัด
- ควรเตรียมจิตใจให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด ไม่ตื่นเต้นหรือกังวลมากเกินไป และควรทราบก่อนว่าการผ่าตัดย่อมทำให้เกิดอาการบวม ซ้ำ จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เตรียมแว่นตาดำกันแดด ไว้ใส่หลังผ่าตัด
การทำตา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าหลังผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์จากการทำตา ต้องใช้ระยะเวลาในการหายของแผล และใช้เวลากับความเคยชินในภาพลักษณ์ใหม่
ขั้นตอนระหว่างการศัลยกรรมตา
- ศัลยแพทย์จะตรวจสภาพร่างกาย
- ตรวจสอบสภาพทั่วไปของตา
- ถ่ายภาพเปลือกตา เพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการผ่าตัด
- ให้ท่านแจ้งข้อมูลกับศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดโดยละเอียด ดังนี้
– แจ้งโรคประจำตัว หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา เช่น ตาแห้ง ต้อหิน (Glaucoma) ภูมิแพ้ตา โรคเบาหวาน
– ประวัติการแพ้ยา และยาที่ใช้เป็นประจำ
– ประวัติการผ่าตัดตา - ระหว่างผ่าตัดศัลยแพทย์จะเริ่มฉีดยาชาบริเวณเปลือกตาด้านนอก และเริ่มการทำหัตถการ โดยจะใช้เวลาทำเฉลี่ยน 1-2 ชั่วโมง
- หลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ทันที
- หลังการผ่าตัด อาจจะมีภาวะชั่วขณะที่เป็นผลมาจากการผ่าตัดดังต่อไปนี้
– ตามัว
– น้ำตาไหล
– สภาวะตาไวต่อแสง
– ตามองเห็นภาพซ้อน
– มีอาการบวม ซ้ำ
– ผิวหนังซ้ำบริเวณรอบตา
– รู้สึกปวด และตึงบริเวณรอบดวงตา
ข้อควรระวังและการปฏิบัติตัวหลังศัลยกรรมตา ต้องทำอย่างไร?
เพื่อให้แผลหายไว และป้องการการติดเชื้อจากการใช้ชีวิตประจำวัน ท่านควรปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลแพทย์อย่างเคร่งครัดดังนี้
1. หมั่นประคบเย็น (ice pack) เพื่อลดอาการบวม
– วันแรกของการผ่าตัด ให้ประคบน้ำแข็งเป็นเวลา 10 นาที ทุกๆ 1 ชั่วโมง
– วันถัดไป ให้ประคบน้ำแข็งเป็นเวลา 10 นาที วันละ 4-5 ครั้ง เช้า สาย บ่าย เย็น และก่อนนอน
2. รับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และทายาฆ่าเชื้อชนิดขี้ผึ้งตามเวลาที่แพทย์สั่ง
3. ทำความสะอาดโดยด้วยไม่พันสำลีที่ปราศจากเชื้อ เช็ดสิ่งสกปรกบริเวณรอบแผล วันละ 3 ครั้ง
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบริเวณแผลผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
5. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา ถูตา และพยายามอย่าใช้มือสัมผัสบริเวณตา
6. งดออกกำลังกายทุกชนิด เป็นเวลา 1 สัปดาห์
7. งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
8. งดสวมใส่คอนแทรคเลนส์อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังวันผ่าตัด
9. สวมใส่แว่นกัดแดด กรณีต้องออกกลางแจ้ง หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีลมพัดแรงๆ
10. การนอน ควรยกศีรษะให้สูงกว่าหน้าอกในช่วงแรกๆ เพื่อป้องกันอารคั่งของเลือด
11. กลับมาพบศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดตามวันเวลาที่นัดหมาย
12. งดยาแก้ปวดประจำเดือน ยาแก้อักเสบ โดยเฉพาะในกลุ่ม N-SAID เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพอคเซ็น (Naproxen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ท่านสามารถใช้ยาพาราเซตามอน (Paracetamol) แทนได้
13. งดการใช้สายตาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานๆ เช่น เล่นมือถือ อ่านหนังสือ หรือดูทีวี
อาการผิดปกติที่ควรเฝ้าระวังหลังทำตา ?
เมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไป ให้แจ้งแพทย์โดยด่วน
- หายใจลำบาก ไม่เต็มอิ่ม
- ปวดหรือเจ็บบริเวณหน้าอก
- อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
- ปวดตาขั้นรุนแรง
- เลือดไหลไม่หยุด
การผ่าตัดตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ ดังนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความชำนาญของศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง และทำหัตถการในห้องผ่าตัดที่มีมาตรฐาน เครื่องมืออุปกรณ์สะอาด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย
